Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อย่าสอนลูกให้เป็นเหมือนกับ "ปลากัด"

ทุกวันนี้คนเราอยู่ในโลกแห่งการแข่งขัน (Competitive world)
แข่งขันกันทุกเรื่อง ทั้งอาชีพการงานหรือธุรกิจต้องก้าวหน้ากว่าคนอื่น ทั้งการเดินทางต้องรีบขับแซงเพื่อให้ไปถึงจุดหมายก่อน ทั้งเรื่องการศึกษาที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังต้องสอบแย่งที่นั่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง วิถีเหล่านี้ทำให้ดูเหมือนว่าชีวิตของคนในสังคมต่างต้องต่อสู้และดิ้นรนทั้งเพื่อความอยู่รอดและการได้มาซึ่งชัยชนะในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จนทำให้ผู้เขียนอยากนิยามว่าสังคมทุกวันนี้เหมือนกับ "สังคมของปลากัด" คือแม้ปลากัดจะเป็นปลาที่มีรูปร่างและสีสันที่สวยงามแต่กลับแฝงไปด้วยวิญญาณของนักต่อสู้ที่ดุร้าย ที่สามารถห้ำหั่นคู่ต่อสู้จนย่อยยับได้เพื่อตนเองจะได้เป็นผู้ชนะ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชีวิตของคนบางคนที่ภายนอกนั้นสวยหรูมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต หรือมีชื่อเสียงเกียรติยศหรือมีฐานะที่ร่ำรวย แต่เบื้องหลังของการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจใช้เล่ห์เหลี่ยม กลโกงหรือวิธีอันทุจริต เพราะในชีวิตมีแต่คำว่า “แพ้ไม่ได้” นั่นเอง...
               
ป็นเรื่องน่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่พ่อแม่บางคนมักสอนให้ลูกเป็นคนที่แพ้ไม่เป็น และให้ต่อสู้โดยมุ่งแต่เอาชนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งความล้มเหลวในการดำเนินชีวิตของลูกต่อไปในอนาคต เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลูกพลาดไป เมื่อนั้นลูกจะรู้สึกว่าเขาไม่สามารถอยู่ในสังคมนี้ได้อีก ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริงแล้ว ต้องให้ลูกเข้าใจว่าชีวิตนั้นมีทั้งคำว่า “แพ้” และ “ชนะ” ซึ่งการสอนให้ลูกรู้จักการแพ้ชนะสามารถสอนได้หลายวิธี ดังนี้
         
1. สอนผ่านเกมและการเล่น              
โดยธรรมชาติแล้วเด็กสามารถเรียนรู้ได้ดีผ่านการเล่น เพราะทำให้เด็กได้ใช้ทักษะต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะใช้เกมการเล่นพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกรักแล้ว ยังสามารถใช้เกมการเล่นสอนเรื่องของการรู้จักแพ้และชนะได้อีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น เกมหมากฮอส ซึ่งเป็นเกมที่ต้องเล่นแข่งกัน 2 ฝ่าย ดังนั้นในแต่ละเกมจึงต้องมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ลูกจะได้เข้าใจถึงบทบาทของการเป็นผู้แพ้และผู้ชนะในแต่ละเกม          
ที่สำคัญคือหากลูกต้องเป็นฝ่ายแพ้ คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกให้ยอมรับความพ่ายแพ้นั้นอย่างเต็มใจ พร้อมให้กำลังใจว่าการแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าชนะอย่างเดียวก็ไม่สนุก ต้องมีแพ้บ้างสลับกันไป อย่าไปดุด่าว่ากล่าวลูก เพราะจะเป็นสร้างปมในใจลูกว่าเขาจะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้แล้วพ่อแม่จะไม่ยอมรับในตัวเขา นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้เล่นเกมหรือเล่นของเล่นกับพี่น้องหรือเพื่อนในวัยเดียวกันบ้าง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องของการแบ่งปันของเล่น ไม่ทะเลาะแย่งชิงของเล่นกัน
               
2. สอนผ่านกีฬา      
การเล่นกีฬาเป็นได้ทั้งการออกกำลังกาย การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเป็นทั้งเรื่องของแข่งขัน คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกเข้าใจว่าไม่ว่าลูกจะเล่นกีฬาเพื่อเหตุผลใดก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือการเคารพกฎ กติกาและมารยาทของเกมกีฬา การมีน้ำใจนักกีฬาและความรักความสามัคคีของผู้ร่วมเล่นด้วยกัน และหากเป็นการแข่งขันกีฬา คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องสอนให้ลูกได้เรียนรู้ถึงการแพ้ชนะด้วยเช่นกัน เช่น หากลูกเป็นฝ่ายชนะในการแข่งขันในครั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชนะทุกครั้งเสมอไป และเมื่อเราเป็นฝ่ายที่ชนะก็ไม่ควรไปเหยียบย่ำหรือดูถูกเยาะเย้ยคนที่แพ้ เพราะหากคราวหน้าลูกแพ้บ้างลูกคงเสียใจหากคนชนะมาดูถูกหรือเยาะเย้ยลูก และหากลูกเป็นฝ่ายแพ้ ก็เป็นเรื่องดีที่ลูกจะได้ฝึกซ้อมให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้พัฒนาความสามารถที่มีอยู่ให้มีมากขึ้นต่อไป
         
3. สอนผ่านการเรียน          
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าทุกวันนี้แม้แต่เด็กชั้นอนุบาลยังต้องสอบแข่งกันเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนที่พ่อแม่พอใจ และแข่งไปเรื่อยจนถึงในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อความเครียดให้กับหลายๆ ครอบครัวเป็นอย่างมากทีเดียว เครียดทั้งคุณพ่อคุณแม่และตัวของเด็กเองด้วย หากถามว่าสิ่งเหล่านี้ผิดหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดเพราะมันเป็นค่านิยมตามยุคตามสมัย
               
แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากฝากคุณพ่อคุณแม่คืออย่าคาดหวังกับลูกมากเกินไป เพราะหากมีคนสอบได้ก็ต้องมีคนสอบไม่ได้ หากมีที่หนึ่งมันก็ต้องมีที่สอง มีที่สิบ มีที่ยี่สิบ ทางที่ดีคือให้คุณพ่อคุณแม่คอยสังเกตระดับสติปัญญาและความสามารถของลูก เช่น ลูกอาจจะเป็นคนเรียนไม่เก่งมักสอบได้คะแนนไม่ดีทั้งๆ ที่ได้พยายามแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปดุด่า เพราะจะทำให้ลูกขาดกำลังใจในการดำเนินชีวิตในด้านอื่นๆ ตามไปด้วย
               
คุณพ่อคุณแม่จึงควรมองหาและสนับสนุนความสามารถและความชอบของลูกในด้านอื่นๆ แทนที่ เช่น ลูกอาจจะมีความสามารถในด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา การทำอาหารหรือในกรณีที่ลูกเป็นคนที่เรียนหนังสือดีมาตลอดแต่พลาดหวังจากการสอบเข้าโรงเรียนหรือเข้ามหาวิทยาลัยตามที่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องให้กำลังใจ ปลอบโยน อย่าไปดุหรือกดดันลูกเพราะจะทำให้ลูกเกิดความเครียดและเกิดความท้อแท้ใจ รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้แพ้จนไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อีกต่อไป บางรายอาจถึงขั้นทำร้ายตนเองหรือคิดสั้นฆ่าตัวตายเหมือนที่เคยเป็นข่าวมา ดังนั้น หากไม่อยากเสียลูกไปต้องปล่อยวางกับลูกบ้าง

 คุณพ่อคุณแม่อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นเหมือนกับปลากัด ที่มุ่งแต่จะทำร้ายคู่ต่อสู้ เพื่อจะเอาชนะเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่นหรือแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง และแม้ชีวิตจะต้องดิ้นรนแข่งขันกับอะไรมากมาย แต่บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็จำเป็นต้องหยุดทบทวนว่าสิ่งสำคัญในชีวิตที่แท้จริงของเราคืออะไร ถ้าเราหรือลูกของเราพอใจอยู่แล้วในสิ่งที่ครอบครัวเรามีเราเป็น ก็ดำเนินชีวิตไปตามธรรมชาติ มีเล่นบ้าง แข่งบ้าง แต่ไม่ต้องถึงกับให้ลูกไปแก่งแย่งชิงดีกับใคร เพราะความพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่คือการที่เราได้ชนะใจตัวเองแล้ว และนี่แหละคือชัยชนะที่แท้จริง

การสอนให้ลูกรู้แพ้ รู้ชนะเป็นหนทางที่จะทำให้ชีวิตของลูกดำรงอยู่ได้อย่างมีความสุข และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือสอนลูกให้รู้จักการให้อภัย แม้แพ้ก็อย่าคิดแค้น แต่หากชนะก็อย่าเห่อเหิมหลงตัวเองและยึดติดกับชัยชนะนั้นจนกระทั่งกลายเป็นคนที่ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งการเป็นผู้ชนะอยู่ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนเสียใจของใคร...

รายการบล็อกของฉัน