Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แม่... แม้หมดลมหายใจก็ไม่เคยหมดรัก

แม่... แม้หมดลมหายใจก็ไม่เคยหมดรัก (มติชน)
ไม่บ่อยครั้งนักที่จะรู้สึกตื้นตันกับเรื่องราวชีวิตของคน แต่หนนี้เมื่อได้รู้จัก ได้พูดคุยยิ่งจุกอก...

พันธกานต์ พินธุทอง เด็กหนุ่มวัย 20 ปี นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยบูรพา กำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ในบ้านไม้หลังเก่าซอมซ่อ บนผนังไม้ผุพังมีรูปผู้หญิงหน้าตาใจดี ใส่กรอบไม้ พร้อมกับมีกระถางธูปตั้งอยู่เบื้องหน้า

"แม่ผมเองครับ ท่านเพิ่งเสียเมื่อปี 2550 ครับ"

พันธกานต์ เล่าถึงแม่จำนงค์ จีนจันทร์ ที่จากไปในวัยเพียง 48 ปี พร้อมกับละมือจากหนังสือเรียน แล้วย้อนเล่าเรื่องเก่าที่ยากจะลืมว่า เวลามองรูปแม่ที่ตั้งอยู่บนหิ้งและอดคิดถึงแม่ไม่ได้ เพราะตลอดชีวิต แม่เป็นทุกอย่าง เป็นแม้กระทั่งลมหายใจ

"มาอยู่ที่สลัมคลองเตยเมื่อปี 2540 มาหาบ้านเช่าอยู่ที่นี่หลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกัน เพราะพ่อมีเมียใหม่ แม่เลยต้องพาเราออกจากบ้านและมาหาบ้านเช่าอยู่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้หลังเก่าค่าเช่าไม่กี่บาท เมื่อต้องออกมาอยู่กันตามลำพังแม่ลูก แม่ก็ไม่มีงานอะไร แม่เลยต้องทำงานทุกอย่างที่จะได้เงินมาเพื่อเลี้ยงและส่งเสียให้ลูกได้เรียน กลางวันแม่ไปทำงานรับจ้างที่คลีนิคสัตวแพทย์ ตอนเย็นก็มารับจ้างซักผ้ารีดผ้า ผมกับน้องมีหน้าที่ช่วยแม่ซักผ้า และคอยไปส่งผ้าตามบ้านลูกค้า ผมรู้ว่าแม่เหนื่อย หลาย ๆ ครั้งที่แม่ต้องหยิบยาดมมาดม แม่หน้าซีดจนต้องนั่งพัก แต่แม่จะบอกเสมอว่า ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน แม่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เรียนหนังสือและจะรอคอยดูความสำเร็จของลูก"

"แม่ บอกผมกับน้องเสมอว่า แม้ชีวิตเราจะต้องลำบากมากขึ้น แต่เราก็ต้องอดทน เพราะชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ แม่บอกตลอดว่า แม้แม่จะเลิกกับพ่อ แต่ลูกต้องไม่ลืมเรื่องความกตัญญู แม่จะพร่ำสอนอยู่เสมอว่า ต้องตอบแทนผู้ที่มีบุญคุณกับเรา แม้พ่อที่ทอดทิ้งไปก็ต้องตอบแทนบุญคุณ เพราะพ่อเป็นผู้ให้ชีวิต"

พันธกานต์ เล่าด้วยความภาคภูมิใจในตัวแม่ แต่แล้วรอยยิ้มที่เปื้อนหน้าก็กลายเป็นรอยน้ำตา

"ผมเคยคิดอยู่หลายครั้งว่าแม่ทำงานหนักอย่างนี้แล้วร่างกายแม่จะไหวหรือ เปล่า เคยอยากให้แม่ไปตรวจร่างกาย แต่แม่ก็จะบอกว่า แม่ไม่เป็นอะไร ทั้งที่ผมก็รู้ดีว่า แม่ไม่มีเงินไปหาหมอและไม่มีเวลาไป เพราะทุกนาทีแม่มีแต่งงาน ๆ ๆ ๆ"

จนวันหนึ่งแม่ก็มีอาการไม่ค่อยดี ไม่สบาย เจ็บป่วยบ่อย พันธกานต์เลยขอร้องให้แม่ไปหาหมอ แม้แม่จะไม่อยากไปก็ตาม

"แม่ไปโรงพยาบาลครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวก็ว่าได้ ตอนนั้นเป็นช่วงต้นปี 2550 หมอตรวจพบว่าแม่เป็นมะเร็งที่เต้านมระยะสุดท้าย มันเหมือนก้อนหินก้อนใหญ่หล่นลงมาทับที่หัวใจ ผมกับน้องสาวปล่อยโฮ ขณะที่แม่ยิ้มแต่นัยน์ตาของแม่ก็มีน้ำตาคลอ แม่บอกพวกเราว่า แม่ไม่เป็นไรหรอก แม่จะสู้เพื่อให้ได้อยู่กับลูกๆ"

ผู้หญิงหัวใจแกร่งที่มีคำว่า "แม่" ค้ำคอ เธอกลับบ้านมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ยังทำงานเหมือนเดิม ยังยิ้มให้ลูก ๆ ยังปลอบและให้กำลังใจลูกอยู่เสมอ แม้บางครั้งเธอจะดูล้ากับโรคร้ายมากก็ตาม

"แม่มีกำลังใจดีมากครับ แม่ไม่เคยทำให้พวกเรารู้เลยว่าท่านเจ็บ จนบางครั้งผมยังแอบคิดในใจว่า แม่อาจจะไม่เป็นมะเร็งก็ได้ เพราะแม่ดูไม่เป็นอะไรเลย แม่ยังยิ้ม ยังกอดพวกเรา ยังบอกตลอดว่าแม่ไม่เป็นอะไร แม่จะอยู่ดูลูกประสบความสำเร็จในชีวิตนะ ไม่ต้องห่วง และแม่ก็ยังทำงานอย่างหนัก แม้ผมกับน้องจะแย่งงานซักรีดมาทำแทนแม่ก็ตาม"

จนช่วงประมาณเดือนเมษายน หัวใจของพันธกานต์กับน้องสาวก็แทบสลาย เพราะแม่ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างก็มาจากไปอย่างสงบ

"วัน ที่แม่เสียชีวิต ผมกับน้องสาวเสียใจมากที่ต้องขาดเสาหลักของครอบครัวไป ก่อนแม่เสียชีวิต แม่ได้พร่ำสอนผมกับน้องสาวอยู่เสมอว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องรักและดูแลกันไป อย่าทอดทิ้งกัน และแม่จะสอนพวกเราจากการกระทำของแม่มาตลอด ทั้งเรื่องความขยัน พากเพียร อดทน ซื่อสัตย์ กตัญญู"

คำสั่งเสียของแม่ เหมือนเป็นมรดกที่มีค่ามหาศาลที่คอยย้ำให้พันธกานต์เป็นคนดี และต้องเป็นเสาหลักในการดูแลน้องต่อไป

แม้ร่างกายแม่จะสลายไปจนเหลือเพียงเถ้ากระดูก แต่วันนี้คำสอนของแม่ยังคงอยู่ติดตัวพันธกานต์ไปตราบนานแสนนาน และน่ายินดียิ่งที่เมื่อวันแม่ที่ผ่านมาลูกชายของแม่อัญเชิญ ยังได้รับทุนการศึกษาประเภทกตัญญูจากมูลนิธิดวงประทีปด้วย ซึ่งเขาได้ไปกราบที่รูปแม่และเล่าให้แม่ฟังอย่างภาคภูมิใจ แม้แม่จะไม่ตอบรับด้วยคำชม แต่พันธกานต์ก็รับรู้ได้ว่า แม่มองดูลูกด้วยความชื่นชมอยู่บนฟากฟ้าแสนไกล

ขอบคุณข้อมูลจากกระปุกดอทคอมและมติชน

รายการบล็อกของฉัน