Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อยู่เป็นเพื่อนแม่


อยู่เป็นเพื่อนแม่
เมื่อแม่อายุ 75 ปี ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว

ลูกผู้ชายคนหนึ่งตระเวนทั้งเรียน ทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลงแต่พ่อแม่ที่อยู่บ้าน

เดิมในเมืองจีนเริ่มแก่ตัวลง ลูกคนนี้ทำงานอยุ่ต่างประเทศไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย และโทรศัพท์ทุกครั้งแม่จะคอยเตือนเรื่องสุขภาพของตัวเอง  ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ

เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง เขารู้ดีว่าแม่คิดถึงเขามาก เมื่อแม่อายุ 75 ปี เขาตั้งใจกลับไปเยี่ยมแม่และจะพักอยุ่ด้วยซัก 1 เดือน ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอ

บอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก

แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่ สำหรับคน

อายุ 75 ปี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เขาตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า  ผอม

แห้ง หน้าตาเ่หี่ยวย่น ไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย แม่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และแม่ตา

ไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มาก บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกนอน

ห้องแอร์ และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไรเพราะเขาตั้งใจจะกลับมา
เป็นเพื่อนแม่จริงๆ สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่พูดแต่ปรัชญาเกาๆ ซึ่ง 10 กว่าปี

ก่อนก็เคยพูดมาแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่าปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม
เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง  โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานก็มีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่

จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน  แม่ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถเลี้ยงดูเด็กให้คนอื่นได้เลย  ผมเลยพูดไม่ออก พอผม

จะออกไปช้อปปิ้งเลย... พอเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย ผมก็บอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า"แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง.." ช่วงครึ่งเดือนหลับที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น  แต่

เราไม่เคยทะเลาะกัน พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จาเหม่อลอย โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อได้เวลาที่ผมต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษใบหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปเมืองนอก ทุกครั้ง

ที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้  แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอก

บ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้าน และข่มเหงคนจีนมีการปะทะกันด้วย  แม่เป็นห่วงมากถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมา

อย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มักหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ แต่มีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิมแม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผม

รู้สึกเอะใจ เลยถามว่า "แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ" แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น  แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู เป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า"เมื่อฉันแก่ตัวลง"   ตัดจากหนังสือ
พิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกทีบทความนั้นคัดมาจากนิตยาสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นทันทีเมื่อฉันแก่ตัวลงไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉัน

เพิ่มขึ้นอีกซักนิดถ้าฉันทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง... ถ้าฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนเธอเด็กๆที่ฉันสอนเธอหัดทำทุกอย่าง

ถ้าฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆ ที่เธอรู้สึกเบื่อ... ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำ ๆ ซากๆ จนเธอหลับถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลย ยังจำตอนที่เธอยังเล็ก ๆ ได้ไหมฉันยังทั้งกอดทั้งปลอบ เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำ
ถ้าฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆโปรดอย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม "ทำไม ทำไม" ทุกครั้งที่เธอถามฉันได้ไหม

ถ้าฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดิน ตอนที่เธอยังเล็กๆ
หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ โปรดให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉัน กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญ ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้วตอนนี้ถ้าเธอเห็นฉันแก่ตัวลง  ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉันสนับสนุนฉันให้เหมือนกับที่ฉันสนับสนุนเธอ ตอนเธอเพิ่งเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตอนนั้น ฉันพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
    
ตอนนี้ ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทางของชีวิตโปรดให้ความรักและความอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจใสตาอันฝ้าฟางของฉัน มีแต่ความรักอันหาที่สุดมิได้ ให้เธอ
    
ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู๋ตอนนั้นแม่เดินออกมาพอดี ผมแกล้งทำเป็นไม่มาอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนั้นหลังจากผมกลับไปแล้วจึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้ รู้สึกแม่จะดีใจมากเหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภของผม และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยทีเดียวหนังสือพิมพ์ที่
ผมนำกลับมา ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย

แต่บทความ"เมื่อฉันแก่ตัวลง"บทนั้น ผมตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวตลอดไป  ผมขออุทิศบทความนี้ให้กับลูก ๆ ทั้งที่พเนจร และไม่ได้พเนจรทั้งหลาย ถ้ามีเวลาว่างก็แวะไปหาท่านหรือไม่ก็โทรไปหาท่านบ้าง บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ ท่านไม่ได้ต้องการอะไรจากเรามากไปกว่าแค่ได้รับรู้ว่า เราสุขสบายดี หากเราไม่สามารถไปเยี่ยมท่านได้ ตอนคุยโทรศัพท์กับท่าน โปรดยิ้มให้กว้าง ๆ และยิ้มบ่อยๆ แม้ท่านจะมองไม่เห็นแต่ท่านรู้สึกได้
ขอขอบคุณบทความจาก http://www.dek-d.com/

รายการบล็อกของฉัน